วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การทำงาน_วิธีการหาเงิน




เคยลองนั่งคิดกันไหมครับว่า มนุษย์คนหนึ่ง จะมีวิธีการหาเงินได้กี่แบบ จะเลือกแบบไหนมันขึ้นอยู่ที่ความถนัดและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนครับ มาดูกันครับว่ามนุษย์จะมีวิธีการหาเงินได้กี่แบบ




การหาเงิน 4 วิธี จะเลือกแบบไหนดี 

ช่องทางการหาเงินจะมีสี่ด้าน หรือสี่ทางเลือกด้วยกัน แต่ละแบบก็จะทำให้รวยหรือหาเงินได้มากน้อยต่างกัน
คนส่วนใหญ่จะไม่รวยเพราะเลือกช่องทางการหาเงินที่ไม่ทำให้รวย เช่น การเป็นลูกจ้าง

1. การเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือลูกจ้าง
คนส่วนใหญ่จะเป็นลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือน เพราะเป็นงานที่หาเงินได้ง่ายกว่าการหาเงินแบบอื่น ขอเพียงมีความรู้ มีวุฒิการศึกษา ก็สามารถสมัครงานในตำแหน่งที่จบมาได้ การเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นยากจะรวยเหมือนการหาเงินแบบอื่นๆ

2. การเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง
มนุษย์เงินเดือนบางคนอาจจะผันตัวเองมาเป็นเจ้าของธุรกิจ จากเดิมอาจจะเป็นพนักงานซ่อมคอมพิวเตอร์ เมื่อมีความชำนาญมีเงินทุนมากพอแล้ว ก็อาจจะมาเปิดร้านของตนเอง เป็นเจ้าของร้านเอง อาจจะมีลูกจ้าง โอกาสรวยก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ กรณีของการเปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์นั้น อาจจะไม่รวย เพราะความสามารถในการซ่อมต่อเครื่องอาจจะจำกัดตามกำลังและเวลา  แต่งานบางอย่าง  อย่างการขายอาหาร ขายสินค้า จะมีโอกาสทำเงินได้มากกว่า โดยเฉพาะการขายสินค้าส่งขายไปทั่วประเทศ

3. การเป็นเจ้าของกิจการ
กรณีนี้รายรับก็จะเริ่มมากขึ้น จากการเปิดร้านขายอาหาร ก็อาจจะทำเป็นแฟรนไชน์ เพื่อให้คนอื่นมาร่วมลงทุนได้ ยิ่งมีสาขามากก็ยิ่งทำเงินได้มาก

4. การเป็นนักลงทุน

การเป็นนักลงทุนอาจจะเป็นการเล่นหุ้น ซื้อตราสารหนี้ เป็นช่องทางทำเงินสำหรับคนมีทุนมาก มีเงินมาก ก็นำเงินไปเล่นหุ้น หลายคนร่ำรวยอย่างมากจากการเล่นหุ้น จากที่ลงทุนหลักแสน อาจจะมีเงินมากถึงหลักล้านในอนาคต หากราคาหุ้นปรับตัวสูงมากขึ้น





      “เงินสี่ด้าน คนสี่ประเภท”   มีความแตกต่างกันอย่างไร

    1.  ลูกจ้าง E (Employee) - งานมั่นคง เงินเดือนดี พร้อมผลตอบแทน

    2. คนทำธุรกิจส่วนตัว S (Self - employed) - หาคนดีเหมาะกับงานยากจริงๆ และคนกลุ่มนี้ไม่ชอบ     จ้างผู้ร่วมงานหรือสอนงานให้คนอื่น เพราะว่ากลัวจะกลายเป็นคู่แข่งในวันข้างหน้า

    3. เจ้าของกิจการ B (Business Owner) - ผมกำลังมองหาคนมาร่วมงาน หาคนเก่งที่มีความ          
    สามารถมาร่วมงานและชอบแจกจ่ายงานให้ทีมงาน

   4. นักลงทุน I (Investor) - คนกลุ่มนี้ไม่ทำงานเพื่อเงินแต่ใช้เงินทำงานแทน 

       
        ปล. ลองคิดดูนะครับว่าตอนนี้ งานที่ทำอยู่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณหรือป่าว



การทำธุรกิจ_ความเชื่อของคนที่ประสบความสำเร็จ




                      สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพูดถึงเรื่องของความเชื่อครับ




                                        คุณเชื่อหรือป่าว

หลายคนสังสัยว่าแล้วเชื่ออะไรหล่ะ

ผมเชื่อว่าก่อนจะทำอะไรอันดับแรก ต้องมีความเชื่อก่อน

มาดูครับว่า คนที่เค้าประสบความสำเร็จเค้าเชื่ออะไร

1. มีความเชื่ออย่างสนิทใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังลงมือกทำอยู่จะสำเร็จและเป็นไปได้

2. มีความเชื่อว่ามันจะต้องดีขึ้น แม้ว่าตอนนั้นสถานการณ์อาจจะไม่สู้ดีนัก ผู้ที่ประสบความสำเร็จเค้าก็ยังคงเชื่อว่ามันจะต้องดีขึ้นและดีขึ้น โดยมีความมุมานะและความมุ่งมั่นและเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นจนสำเร็จในที่สุด

ความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญครับ อย่าละทิ้งความเชื่อนะครับ


Satapol CEO





วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ธุรกิจ_อิสระภาพทางการเงิน



ใครๆ ก็ต้องการ  "อิสระทางการเงิน" หรือ รายได้ที่เรียกว่า Passive Income
  





"อิสรภาพทางการเงิน" เป็นคำที่คุ้นหูใครหลายๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอิสรภาพทางการเงินนั้นเป็นอย่างไร
อิสรภาพทางการเงิน คือการที่เราสามารถมีอิสรภาพที่จะเลือกใช้ชีวิตตามแบบที่เราต้องการได้ โดยไม่ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพอีกต่อไป แม้ว่าจะเลือกไม่ทำงานต่อแล้วก็ยังสามารถที่จะมีรายได้ เพื่อดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ต่อไป

คำถามต่อมาคือ แล้วเราจะหารายได้ ได้อย่างไร ถ้าเราไม่ทำงาน

คำตอบคือ รายได้จากทรัพย์สิน ซึ่งมีมากมายหลากหลายรูปแบบ เช่นรายได้จากดอกเบี้ย เงินปันผลจากหุ้นหรือธุรกิจ รายได้จากค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าที่ ค่าลิขสิทธิ์ทางปัญญา ฯลฯ สิ่งที่กล่าวมานี้ คือรายได้ที่เราแทบไม่ต้องดูแลเลย ไม่ทำงานก็มีเงินใช้

การลงทุนในหุ้น ก็เป็นหนทางหนึ่งที่หลายๆคนใช้เพื่อนำไปสู่การมีอิสรภาพด้านการเงินเช่นกัน

แต่เนื่องจาก รายจ่ายรวม ของแต่ละคนไม่เท่ากัน การมีอิสรภาพทางการเงินของแต่ละคนจึงมีมูลค่าแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน

ตัวผมเองก็มีธุรกิจที่เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่ทำให้ผมมีอิสระทางการเงินก็ว่าได้ นั่นคือ


http://www.bc-warehouse.com/

BC-Warehouse เป็นหนึ่งในธุรกิจของผมคับ ซึ่งเป็นพื้นที่เก็บสินค้าส่วนตัวและโกดังให้เช่า มีความเป็นส่วนตัว พร้อม รปภ. 24 ชม. ปลอดภัย มั่นใจ100% ราคาเช่าเริ่มต้น 2900บาท/เดือน มีพื้นที่มากกว่า10,000 ตารางเมตร จะเข้ามาดูโกดังก่อนก็ยินดีคับ สนใจเช่าโกดังเก็บสินค้าติดต่อผมได้คับ หรือ091-2296343 คุณปอ 081-7012713 คุณก้อ



การทำธุรกิจ_อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง




    #ไอเดียเงินล้าน#  

ตอน อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง

จะทำอย่างไรถึงจะมีธุรกิจเป็นของตนเอง

คุณสามารถมองหาไอเดียธุรกิจใหม่ๆ จากสิ่งของรอบตัวได้ทุกๆ วัน ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งนั้นอาจเป็นสิ่งที่หลายๆ คนอยากได้แต่ไม่เคยมีใครคิดจะทำออกมาขายเลยก็เป็นได้ เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันก็เป็นประเภทที่สนใจอยากจะได้ประสบการณ์ใหม่จากสินค้าใหม่ๆ เสมออยู่แล้ว

หลายๆ คนที่ต้องการจะเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรสักอย่าง คำถามแรกสุด น่าจะเป็น จะทำอะไรดี?” บางคนใช้เวลาหาเป็นปีๆ เพื่อที่จะได้คำตอบ ผมมีวิธีดีๆมาแชร์ให้ครับสำหรับคนที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจครับ






1. มองดูตัวเอง
สิ่งแรกที่ควรทำคือ การสำรวจตัวเองก่อน ในแต่ละวัน ตัวเราเองพบเจออะไรบ้าง มีอะไรบ้างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ลองคิดดูนะครับว่า คุณสามารถเอาสิ่งที่พบเจอในแต่ละวันทำเป็นธุรกิจได้นะครับ เห็นไหมครับว่า มันเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก สิ่งที่สำคัญคือ อย่าละเลยตัวเองครับ

2. เปิดโลกให้กว้าง
การพบปะผู้คนมากมาย ได้สื่อสาร ติดต่อพูดแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทัศนคติ ในสิ่งต่างๆ ทำให้เราได้รู้จักคนมากขึ้น และยังได้ความรู้ใหม่ๆอีกด้วย
นอกจากนี้ คนเหล่านั้นยังมีไอเดียดีๆ ที่บางครั้งเรามองข้าม แถมการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และความรู้ ยังสามารถต่อยอดความคิดเราได้ดีมากๆ เลยนะครับ เพราะคนเราไม่ได้รู้ไปซะทุกอย่าง การพูดคุย ถกเถียงกัน ก็ก่อให้เกิดอะไรใหม่ได้เสมอแหล่ะครับ

3. เป็นผู้ฟังที่ดี
ฟังให้มากกว่าพูด เมื่ออยู่ในวงสนทนา การเป็นผู้ฟังที่ดี จะทำให้เราเก็บเกี่ยวสาระได้มากมาย เรื่องบางเรื่องอาจจะดูไร้สาระ แต่ถ้าคุณลองมองดูดีๆ มันมีสาระอยู่นะครับ เช่นเรื่องต่อไปนี้

เฮ๊ย วันนี้ตอนเช้า ผมนั่ง BTS มา แต่พอตอนจะออกจากสถานี ผมหาบัตร BTS ไม่เจอ หาอยู่ตั้งนาน ที่แท้อยู่ในกระเป๋าเสื้อซะงั้น

จากเหตุการณ์นี้ ดูมันไร้สาระนะครับแต่จริงๆ มันมีสาระ ซึ่งสาระมันอยู่ที่ว่า มีคนที่หาบัตร BTS ไม่เจออยู่จริง มันน่าจะมีวิธีแก้นะครับ เช่น ทำเคสโทรศัพท์มือถือ ที่มีช่องใส่บัตร BTS อยู่ด้านหลัง คนสมัยนี้ มือถือนี่จำเป็นยิ่งกว่ากระเป๋าเงินซะอีก แถมเก๋ดีอีกด้วยนะครับ สาระและแรงบันดาลใจ มันก็อยู่รอบๆตัวเรานั่นแหล่ะ เพียงแต่ว่า เราจะสังเกตมันรึเปล่าเท่านั้นเองนะครับ

4. จดทุกอย่างที่เข้ามาในหัว
หาโปรแกรมจดโน๊ตดีๆสักตัวติดโทรศัพท์ไว้ เวลาที่มีไอเดียอะไรเข้ามาในหัว ให้จดไว้ก่อน ตอนนี้มันอาจจะยังใช้ไม่ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป มุมมองเรากว้างขึ้น ไอเดียเมื่อปีที่แล้ว มันอาจจะสามารถต่อยอดได้นะครับ

เห็นไหมครับว่าการจะเริ่มทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องยากที่ไกลเกินตัว เพียงแค่เพื่อนๆ สังเกตุตัวเองและสิ่งรอบๆ ตัว เพื่อนๆ ก็จะได้ไอเดียการทำธุรกิจแล้วครับ
แชร์ประสบการณ์ไอเดียดีๆ ของเพื่อนๆ ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ




วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การทำงาน _ การสร้างพลังใจง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน

การจะทำอะไรได้สำเร็จนั้น สำหรับผม ผมคิดว่าคนที่เข็มแข็งเท่านั้นที่จะยืนหยัดต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้ ดังบทความที่กล่าวว่า

ช่วงเวลาที่เลวร้ายในชีวิต คนที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ไม่ใช่คนที่แข็งแรง แต่เป็นคนที่เข็มแข็ง

During the worst moment in life, if you could still hold on to what you have it is not because of your strength but your will-power "

คุณ! คิดว่าจริงหรือป่าว







วันนี้ผมมี4วิธีการคิดที่จะสร้างพลังใจให้สู้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายและทำได้ในชีวิตประจำวัน

1. คิดแบบตรงกันข้ามกับความรู้สึกในขณะนั้น
- ถ้าทุกข์ ก็คิดสร้างความสุข
- ถ้ายากก็คิดแบบง่าย
- ถ้าเกิดปัญหา ก็คิดแก้ปัญหา

2. คิดแบบสร้างกำลังใจ
-ปลุกปลอบใจตนเอง ทุกครั้งที่เกิดความท้อแท้ ผิดหวัง
-บอกตนเองเสมอว่า เราต้องทำได้ เราต้องทำได้อย่างแน่นอน
-ท่องไว้ในใจว่า ไม่มี ไม่เป็น ไม่เหนื่อย ไม่ทุกข์ ไม่ท้อ ไม่หนี ไม่มีปัญหา

3. คิดแบบมีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว
-หากยังไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะไม่เลิก ลด ละ ความเพียรพยายาม
-จงสู้ต่อไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ แม้จะเป็นวินาทีสุดท้ายของลมหายใจก็ตาม

4. คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก
-มองปัญหาออก แก้ปัญหาเป็น
-คิดการใหญ่ ใช้คนเป็น รู้เห็นตามความถูกต้อง
-มุ่งปรองดอง รักษาน้ำใจ สร้างมิตรภาพ
-อย่าลืมว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว
-ต้องคิดดี ทำดี พูดดี ทุกที่ทุกเวลา
ลองหันมาสร้างความเข้มแข็งภายในดูสิครับโดยเริ่มจากจิตใจ!ต้องคิดว่า ทำได้



Satapol CEO

การทำงาน_ข้อเสียของมนุษย์เงินเดือน

สวัสดีครับ  "มนุษย์เงินเดือนนั้นดีอย่างไร" เมื่อรู้แล้วว่าอาชีพนี้ดีอย่างไรแล้ว วันนี้ผมจะพูดเรื่องของ "3 ข้อเสียของการเป็นมนุษย์เงินเดือน" ครับ คุณเคยนั่งคิดไหมครับว่า อาชีพมนุษย์เงินเดือนนั้นมีข้อเสียหรือป่าว ?แน่นอนครับ ว่าทุกอย่างมีสองด้านเสมอ มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียครับ มาดูครับว่าอาชีพนี้มีข้อเสียอะไรบ้าง                                                                                  

                                         "3 ข้อเสียของการเป็นมนุษย์เงินเดือน"


1.  มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลาเกือบเต็มวันในการทำงาน ทั้งๆที่บางครั้งในแต่ละวันงานสามารถจบลงได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือคุณสามารถเคลียร์งานทั้งสัปดาห์ให้เสร็จภายในวันหรือสองวัน แต่อีก2-3วันที่เหลือคุณคิดว่าจะว่างหรือครับ ? ป่าวเลยครับ เพราะคุณจะมีงานเพิ่มขึ้นมาทันที หรือเรียกง่ายๆ ว่า มันเป็นงานที่สร้างมาเพื่อให้คุณไม่มีเวลาว่างนั่นเองครับ




2.  ถ้าคุณมีเงินเดือนเฉลี่ย 20,000 - 30,000 บาทต่อเดือน คุณมีไอเดียอะไรที่จะสามารถหารายได้ให้เป็น 50,000 - 60,000 บาทต่อเดือนได้บ้าง ซึ่งถ้าคุณจะรอเลื่อนขั้นตามสายงาน ซึงเป็นเรื่องยากและใช้เวลานานมากๆ ครับ เพราะในบริษัทไม่ได้มีคุณเก่งคนเดียว แต่ยังมีอีกหลายคนครับ และเมื่อคุณได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว มีเงินเดือนที่สูงแล้ว แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจ การเงินไม่ดี คุณคิดว่าบริษัทจะไล่ใครออกก่อนกันระหว่างคนเงินเดือนน้อยกับคนเงินเดือนมาก ไม่ต้องเดา คุณเป็นตัวเลือกอันดับแรกแน่นอน !!        



3.  จุดบอดจุดตายอย่างเดียวของมนุษย์เงินเดือนคืออะไร…??? อย่าคิดว่าเป็นความเบื่อ ความอยากรวย ความก้าวหน้า และอาจโดนเด็กรุ่นใหม่ขยี้ ไม่ใช่แน่นอนครับ เพราะจุดบอดเดียวของมนุษย์เงินเดือนคือ เมื่อเจอปัญหาชีวิตที่ต้องแก้ด้วย "เงินกับเวลา" มนุษย์เงินเดือนตายทันที…!!! ยกตัวอย่างง่ายๆ ครับ สมมุติถ้าคุณเกิดเเจ็คพอตเเตก คนในครอบครัวหรือคุณเองเป็นโรคมะเร็ง หรือโรคร้ายแรงต่างๆ หรือคุณกำลังป่วยเป็นโรคหัวใจ ห้ามทำงานเครียดๆ งานหนัก คุณจะทำยังไง…???    คำตอบง่ายๆ ครับ ทำใจ และยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น                                                    



Satapol CEO  


วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

คำคม ข้อคิด_การสร้างความมั่นคง

สวัสดีครับ เที่ยงนี้ผมจะแชร์คำคม ข้อคิดเรื่องความมั่นคงทางการเงินครับ




ผมได้เจอข้อคิด คำคม ของมหาเศรษฐีระดับโลกท่านหนึ่งที่ชื่อว่า  Warren Buffet ซึ่งผมอ่านแล้วรู้สึกชอบมากครับ เลยจะขอแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านครับ ^^

"On Earning Never Depend on single income. Make investment to create a second source
อย่ายึดติดกับรายได้เพียงทางเดียว จงหาช่องทางการลงทุนเพื่อให้มีรายได้เพิ่มอีกทาง"

การหาช่องทางเพื่อให้รายได้เพื่มเป็นสิ่งที่ควรทำนะครับ เพราะนั่นเป็นการเซฟตัวเอง และเพิ่มความมั่นคงให้กับตัวเองด้วยครับ



                                                                         


 

 "On Investment Don't put all eggs in one basket อย่าวางไข่ทั้งหมดในตระกร้าเพียงใบเดียว "

 บางคนอ่านแล้วอาจงง ความหมายก็คือการกระจายการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น อย่าลงทุนหรือทำอะไรอย่างเดียว ที่เดียว เพราะถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น คุณจะลำบากครับ ก็เหมือนการเก็บเงิน ออมเงิน อย่าเก็บไว้ที่เดียว หรือ ฝากไว้กับธนาคารเดียวหมด ให้แบ่งฝากหลายๆ ธนาคารครับ


Satapol CEO




ธุรกิจ_การตลาด

สวัสดีตอนเช้าครับ วันนี้ผมจะพูดเกี่ยวกับการ ต่อยอดธุรกิจครับ ทำไมต้องต่อยอดธุรกิจ?วันนี้ผมมีคำตอบครับ กับ "เหตุผลดีๆ ที่ควรต่อยอดธุรกิจ"   มาดูกันเลยครับว่ามีอะไรบ้าง
 
            

                                                "เหตุผลดีๆ ที่ควรต่อยอดธุรกิจ"

1. เป็นการเพิ่มรายได้ แน่นอนครับการทำธุรกิจรายได้เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เมื่อบริษัทมีรายได้มากขึ้น ก็สามารถนำเงินมาลงทุนในเรื่องต่างๆได้อีกมากมาย บริษัทก็จะมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นเป็นลำดับ                                                                                          
2. เพิ่มผลผลิตจากปัจจัยการผลิตให้คุ้มค่า บ่อยครั้งที่คุณลงทุนทำธุรกิจอะไรซักอย่างหนึ่งแล้วมักจะมีวัสดุอุปกรณ์ที่เหลือใช้จากการผลิตเป็นจำนวนมากมายมหาศาล ซึ่งสิ่งที่เหลือใช้จากการผลิตที่มีเป็นจำนวนมากมายเหล่านี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการเพิ่มและต่อยอดทางธุรกิจให้กับบริษัทของคุณได้                                                                        
3. ขยายสาขา อย่าหยุดนิ่ง เมื่อธุรกิจสามารถประสบความสำเร็จได้มากในระดับหนึ่ง ความต้องการในตัวสินค้าและบริการก็จะเพิ่มขึ้น และนี่คือช่องทางการทำรายได้เพิ่มและผู้เป็นเจ้าของกิจการต้องเริ่มคิดและคำนึงถึงวิธีการขยายสาขาเพื่อตอบสนองและครอบคลุมสินค้าและบริการไปยังผู้บริโภคให้มากขึ้น                                                                                  
4. บุกเบิกกลุ่มผู้บริโภคใหม่ ทำให้คุณสามารถเจาะหรือเปิดประตูไปสู่กลุ่มผู้บริโภครายใหม่ๆในอนาคตได้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการทำการตลาดกับผู้บริโภคที่ซ้ำซ้อนกับของเดิม และเป็นการป้องกันการแย่งตลาดกันเองจากผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีที่มาจากผู้ผลิตรายเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการขยายตลาดออกไปให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วย
                                                    

5. รักษาตลาด ความสามารถในการรักษาตลาดหรือส่วนแบ่งทางการตลาด ก็เหมือนกับเป็นการโฆษณาบริษัทในเรื่องของความเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆเป็นการเฉพาะ และยังสร้างภาพพจน์ที่น่าเชื่อถือของทางบริษัท อีกทั้งการที่มีผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการต่อยอดทางธุรกิจหลายชนิดก็จะช่วยทำให้ทำการตลาดได้ง่ายขึ้นด้วย    

6. สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่จากผลิตภัณฑ์เดิม  ตัวอย่างเช่น บริษัทที่รับทำเหล็กดัดติดตั้งตามอาคารต่างสถานที่ต่างๆ ในแต่ละวันจะมีเหล็กที่เหลือเป็นจำนวนมากจากการใช้งาน ก็อาจะมีความคิดต่อยอดทำธุรกิจของตนเองเพิ่มขึ้นอีกสัก 1 ธุรกิจ โดยหันมาเปิดกิจการรับทำเฟอร์นิเจอร์โดยใช้เหล็กที่เหลือเป็นจำนวนมากมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักในการทำเฟอร์นิเจอร์ออกขายไปยังลูกค้าก็ได้                                                                                  
7. ลดความเสียง การต่อยอดทางธุรกิจให้ขยายกิ่งก้านสาขาออกมาจากธุรกิจเดิมจะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการถดถอยของผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการหลักของคุณในอนาคตได้อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงจากการที่ตลาดของสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่งเกิดการหดตัวอย่างแรงอีกด้วย การต่อยอดทางธุรกิจจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทคุณมีความเข้มแข็งทางการเงินมากยิ่งขี้นครับ                                                                                                      


Satapol CEO

การทำงาน_ มนุษย์เงินเดือนนั้นดีอย่างไร?

สวัสดีตอนเย็นครับ
เย็นนี้ผมจะพูดเกี่ยวกับ "อาชีพมนุษย์เงินเดือนนั้นดีอย่างไร?" ใครที่คิดว่าอาชีพนี้ไม่ดี ลองอ่านบทความนี้ครับ แล้วความคิดคุณจะเปลี่ยน


1. คุณมีรายได้ทุกๆ แน่นอน

2. ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ไม่มีในห้องเรียน โดยไม่ต้องลงทุน เรียกว่าเรียนฟรีก็ได้ครับ

3. มีสังคมที่กว้างขึ้น ใหญ่ขึ้น เป็นการเปิดโลกกว้างครับ ทันทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

4. มีสวัสดิการที่ดี ครอบคลุมทุกด้าน ชีวิตมีความเสี่ยงน้อยครับ เมื่อเทียบกับการเป็นเจ้าของธุรกิจ

5. ไม่มีวันล้มละลายครับ เพราะคุณไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ                                                        

Satapol CEO

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การทำงาน_ทำงานอย่างไรให้มีความสุข?

สวัสดีครับ ก่อนไปทานข้าวผมมีเทคนิคดีๆ ที่ทำให้การทำงานของคุณมีแต่ความสุขครับ กับ "เทคนิคการทำงานอย่างมีความสุข"


                                             "เทคนิคการทำงานอย่างมีความสุข"

1. การรักในสิ่งที่ทำ เพราะบางครั้งคุณอาจไม่ได้ทำในสิ่งที่คุณรักหรือสนใจ ดังนั้นการรักในสิ่งที่ทำก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ

2. การเปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย เพราะปัญหามีไว้ให้แก้ครับ และทุกปัญหามีทางออกเสมอครับ

3. อย่าให้ความเบื่อหน่ายเข้าครอบงำ เพราะเมื่อคุณรู้สึกเบื่อแล้ว ทุกอย่างจบครับ (วันหลังผมจะมาแชร์วิธีการแก้ความเบื่อครับ)

4. อย่าระบายอารมณ์ลงที่งาน เพราะถ้างานออกมาไม่ดี คุณก็ต้องเป็นคนแก้ไขอยู่ดีครับ   ปล. ความสุขในการทำงานคุณไม่ต้องมองหาที่ไหนไกลหรอกครับ เพราะความสุขอยู่ที่ใจครับ ของที่ตัวคุณเองไม่ใช่คนอื่น                                                              


Satapol CEO

HOW TO การทำงาน_การพัฒนาตัวเอง

สวัดีครับ เมื่อวานผมได้พูดเกี่ยวกับความฉลาดไปแล้ว หลายคนเกิดคำถามในใจว่า แล้วความฉลาดหาได้จากไหน มีวิธีที่จะทำให้เป็นคนฉลาดไหม? ถ้าถามหาวิธีการ วันนี้ผมมี "เทคนิคการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ในการทำงานสำหรับตนเอง"มาแชร์ครับ

                            "เทคนิคการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ในการทำงานสำหรับตนเอง"


1. รู้ทันอารมณ์ของตนเอง
     ฝึกรู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง บอกกับตัวเองได้ว่าขณะนี้กำลังรู้สึกอย่างไร และรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่เกิดขึ้น ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง ยอมรับข้อบกพร่องของตนเองได้ แม้เมื่อผู้อื่นพูดถึง ก็สามารถเปิดใจรับมาพิจารณา เพื่อที่จะหาทางปรับปรุงหรือใช้เป็นข้อเตือนใจที่จะระมัดระวังการแสดงอารมณ์มากขึ้น

2. รับผิดชอบอารมณ์ตัวเองได้
     เมื่อเกิดความหงุดหงิด ไม่พอใจ ท้อแท้ ให้ฝึกคิดอยู่เสมอว่า อารมณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ตัวคุณเองสร้างจากการกระตุ้นของปัจจัยภายนอก เพราะฉะนั้นจึงควรรับผิดชอบต่ออารมณ์ที่เกิดขึ้น และควรหัดแยกแยะ วิเคราะห์สถานการณ์ด้วยเหตุผล ไม่คิดเอาเองด้วยอคติหรือประสบการณ์เดิม ๆ ที่มีอยู่ เพราะอาจทำให้การตีความในปัจจุบันผิดพลาดได้

3. จัดการอารมณ์ตัวเองได้
     อารมณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้นสามารถคลี่คลายสลายให้หมดไปด้วยการรู้เท่าทันและหาวิธีจัดการที่เหมาะสม เช่น ไม่จมอยู่กับอารมณ์นั้น พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ โดยหางานหรือกิจกรรมอื่นทำ เพื่อให้ใจจดจ่ออยู่กับงานนั้น เป็นการสร้างความเพลิดเพลินใจขึ้นมาแทนที่อารมณ์ไม่ดีที่มีอยู่

4. ใช้ให้เป็นประโยชน์
     ฝึกใช้อารมณ์ส่งเสริมความคิด ให้อารมณ์ช่วยปรับแต่งและปรุงความคิดให้เป็นไปในทางที่มีประโยชน์ ฝึกคิดในด้านบวกเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ในการทำงาน

5. เติมใจให้ตนเอง
     โดยการหัดมองโลกในแง่มุมที่สวยงาม รื่นรมย์ มองหาข้อดีในงานที่ทำ ชื่นชมด้านดีของเพื่อนร่วมงาน เพื่อลดอคติและความเครียดในจิตใจ ทำให้ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขมากขึ้น


6. ฝึกสมาธิ
     ด้วยการกำหนดรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ รู้ว่าปัจจุบันกำลังสุขหรือทุกข์อย่างไร อาจเป็นสมาธิอย่างง่าย ๆ ที่กำหนดจิตใจไว้ที่ลมหายใจเข้าออก การทำสมาธิช่วยให้จิตใจสงบ และมีกำลังใจในการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
 
7. ตั้งใจให้ชัดเจน
      โปรแกรมจิตใจตนเอง ด้วยการกำหนดว่าต่อไปนี้จะพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้ และตั้งเป้าหมายในชีวิตหรือการทำงานให้ชัดเจน

8. เชื่อมั่นในตนเอง
     จากงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คนที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง จะมีความสำเร็จในการทำงานและการเรียนมากกว่าคนที่ไม่เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง

9. กล้าลองเพื่อรู้
     การกล้าที่จะลองทำในสิ่งที่ยากกว่าในระดับที่คิดว่าน่าจะทำได้ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ตนเอง และเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาความสามารถให้มากยิ่ง ๆ ขึ้นไป

Cr.lionjob.com                                                                                            

Satapol CEO














วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

HOW TO ธุรกิจ_การตลาด


"5 วิธีการทำให้สินค้าติดตลาด"

สวัสดดีตอนเช้าครับ วันนี้ผมจะพูดเรื่องการตลาดครับ ว่าทำยังไงถึงจะทำให้สินค้าติดตลาด มาดูกันเลยครับกับ  "5 วิธีการทำให้สินค้าติดตลาด"                                                              

1. สินค้าต้องมีคุณภาพดีจริง เป็นสิ่งแรกเลยครับที่ควรให้ความสำคัญ   เพราะผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ และใช้ผลิตภัณฑ์ได้จริง หากในทรรศนะของผู้บริโภคมีความเห็นว่าสินค้ามีคุณภาพดีและคุณสมบัติดีสามารถตอบสนองความต้องของเขาได้จริง ตัวผลิตภัณฑ์จะได้รับการบอกต่อแบบปากต่อปากไปสู่กลุ่มผู้บริโภคท่านอื่นๆ ซึ่งเป็นวิธีการประชาสัมพันธ์สินค้าที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดและไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยครับ  

2. มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถือเป็นสิ่งเร้าอันดับต้นที่ทำให้ผู้บริโภคจดจำสินค้าได้เป็นอย่างดีและสร้างโอกาสให้แบรนด์ติดตลาด และช่วยดึงความสนใจมาจากผู้บริโภคได้ทันทีถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายอีกด้วย

3. จัดโปรโมชั่น ถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างมากมากไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือปัจจุบันนี้ เช่น ลด แลก แจก แถม เป็นต้น การมีโปรโมชั่นเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น และอาจถูกบอกต่อในหมู่ผู้บริโภคจนทำให้แบรนด์สินค้าติดตลาด                  

4. ทำโฆษณา การทำโฆษณามีประโยชน์และอิทธิพลอย่างมากทั้งต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภค แต่ประเด็นคือจะใช้โฆษณาอย่างไรให้เหมาะสม เพราะผู้บริโภคมีหลายลักษณะและแตกต่างกันตามความต้องการ การโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตและโซเชียเน็ตเวิร์กต่างๆ จะครอบคลุมและผู้บริโภคเข้าถึงและจดจำแบรนด์สินค้าได้ดี เพราะเข้าถึงง่าย                      

 5. จัดกิจกรรมเพื่อสังคม กระแสการตอบแทนและอุทิศตนเพื่อสังคมเป็นสิ่งที่ได้รับการยกย่องมากในขณะนี้ ผู้ประกอบการควรจัดกิจกรรมดีๆ สักหนึ่งอย่างเพื่อตอบแทนและคืนกำไรกลับสู่สังคม เช่น บริษัทเครือซีเมนต์ไทยให้การสนับสนุนนักกีฬาแบดมินตันมาโดยตลอด เป็นต้น ซึ่งการจัดงานและกิจกรรมเพื่อสังคมจะช่วยให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์สินค้าได้ง่ายขึ้นและยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้สูงขึ้นด้วย        
การจะทำให้สินค้าติดตลาดอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของผู้ประกอบการหรอกครับ ลองนำวิธีการที่ผมบอกไปปรับใช้ดูนะครับ รับรองได้ผล แต่อาจจะค่อยเป็นค่อยไปนะครับ  สู้ๆ ครับ

Satapol  CEO