วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ข้อควรระวัง!!!!!! ในการกด ATM

(!!!)... หลังจากเรากดเงินเรียบร้อยแล้วเวลาดึงบัตรออก ...
(!!!)...ให้ดึงบัตรออกมาครึ่งเดียวก่อน แล้วหยุด(!)
(!!!)... จากนั้นจึงค่อยดึงออกมาจนสุด ...
(!!!)... เพราะหากตู้ที่เราใช้ มีเครื่อง Skiming
... (ที่มีมิจฉาชีพแอบเอามาติดไว้)


(!!!)... มันจะอ่านข้อมูลบัตรเราได้ เฉพาะตอนที่เราดึงบัตรออกมา
แบบ " พรวดเดียว " เท่านั้น ...
(!!!)... แต่ถ้าเราดึงแล้วหยุด ข้อมูลจะขาดตอน  การบันทึกข้อมูลจะ
ล้มเหลว  ( failed )

(!!!)... ตอนที่เรายัดบัตรเข้าไปครั้งแรก มันก็ยังจะไม่อ่าน
... (เพราะเรายังไม่ได้ใส่รหัสผ่านข้อมูลยังไม่ครบ)

(*)ปฏิบัติให้เป็นนิสัยเลยนะ!!

Satapol CEO  07:44

ฝากผลงานและธุรกิจด้วยครับ

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

“วันนี้อะไรคือเป้าหมายชีวิตสำหรับคุณ”

สวัสดีครับ
เคยถามตัวเองไหม “วันนี้อะไรคือเป้าหมายชีวิตสำหรับคุณ” หลายคนยังไม่รู้เลยว่าเป้าหมายชีวิตคืออะไร “คุณจะทำอะไรกับชีวิตที่เหลืออยู่” วันนี้ผมจะแชร์เรื่องของการทำยังไงถึงจะค้นพบตัวเองได้ และนั่นจะทำให้คุณรู้ว่าอะไรคือเป้าหมายของคุณครับ

1. หาความฝันและอยากของตัวเองให้เจอก่อน
     จุดเริ่มต้นของการกำหนดเป้าหมายในชีวิตคือการถามตัวเองว่าในอนาคตเราอยากจะเป็นอะไร อยากจะมีอะไร อยากจะได้อะไร อยากจะเป็นเหมือนใคร แค่ไหน เมื่อไหร่ เพราะถ้าเราไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เราจะกำหนดเป้าหมายที่ดีไม่ได้เช่นกัน     ใครที่ยังหาตัวเองไม่เจอก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนที่ไปตลาดแล้วค่อยคิดว่าจะซื้ออะไรมาทำอาหาร

2. วิเคราะห์ความชอบของตัวเอง
     ใครที่กำลังทำงานเป็นลูกจ้างอยู่และคิดจะออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ผมแนะนำว่าควรเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ตัวเองชอบเป็นอันดับแรก เพราะถ้าใครเลือกทำธุรกิจที่ตัวเองไม่มีความรักความชอบเป็นพื้นฐานแล้วจะทำได้ไม่ดีหรอกครับเพราะคุณไม่ชอบที่จะทำมันไงครับ  

3. ขีดกรอบเป้าหมายที่มุ่งไปและตีกรอบให้แคบลง
      เช่น คุณอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า เป็นเสื้อผ้าสตรี นำสมัย กลุ่มเป้าหมายคือคนทำงาน และธุรกิจเสื้อผ้าที่ลงทุนไม่เกิน 2 ล้านบาท อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ฯลฯ ถ้าคุณสามารถกำหนดกรอบของเป้าหมายได้ชัดเจนและค่อยๆ ตีกรอบนั้นให้แคบลงๆ คุณจะค้นพบว่าเป้าหมายนั้นเหมาะสมกับคุณหรือไม่                                                                                                  
4. ศึกษาข้อมูลเพื่อไปสู่เป้าหมาย
     เมื่อคุณได้เป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ขั้นต่อมาคือการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้ว่าแนวทางในการไปสู่เป้าหมายนั้นเป็นอย่างไรบ้าง โดยเลือกศึกษาทั้งจากคนที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว เพื่อวิเคราะห์ดูว่าคุรจัดอยู่ในกลุ่มไหน หรือควรจะหาทางป้องกันไม่ให้คุณผิดพลาดเหมือนกลุ่มที่เคยล้มเหลวมาแล้วอย่างไร

5. ตั้งเป้าหมายให้ท้าทาย
     การตั้งเป้าหมายในชีวิตควรจะเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย ซึ่งหมายถึงเป้าหมายที่ไม่ง่ายจนเกินไป เช่น ก่อนเกษียณอายุจากลูกจ้างควรจะดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโส และ ไม่ควรตั้งเป้าหมายที่ยากเกินไป เช่น อยากเก็บเงินเดือนละห้าพันบาททั้งๆที่ได้เงินเดือนๆละหมื่นกว่าบาทเพราะนั่นคงเป็นไปไม่ได้ครับ

6. ควรจะมีเป้าหลักและเป้ารอง
     การตั้งเป้าหมายในชีวิตที่ดีควรจะมีเป้าหมายหลักและเป้าหมายรองที่สอดคล้องกัน เผื่อว่าเป้าหมายหลักมีปัญหา คุณจะได้มีเป้าหมายรองมาทดแทนและใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกัน และการกำหนดเป้าหมายในชีวิตไม่จำเป็นว่าจะต้องกำหนดครั้งเดียว ควรจะทบทวนความสำเร็จของเป้าหมายที่กำหนดไว้เป็นระยะๆ ว่าควรจะมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายหรือไม่ อย่างไร    










Satapol CEO  7:40

ฝากผลงานและธุรกิจด้วยครับ







วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

เมียผมไม่ได้ทำงานอะไร

อย่าพูดว่า
"เมียผมไม่ได้ทำงานอะไร"
บทสนทนาระหว่างสามีคนหนึ่ง(ส)
กับนักจิตวิทยา(จ):

จ: คุณทำอาชีพอะไรครับ?
ส: ผมทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งครับ
จ: แล้วภรรยาคุณล่ะ?
ส: เธอไม่ได้ทำงานครับ เป็นเพียงแม่บ้าน
จ: ใครเป็นคนทำอาหารเช้าให้คนในครอบครัวครับ?
ส: ภรรยาผม,เพราะว่า เธอไม่ได้ทำงานอะไร
จ: ภรรยาคุณตื่นเช้าเวลาไหน เพื่อทำกับข้าว?
ส: ราวๆตี 5 เพราะเธอต้องทำความสะอาดบ้าน ก่อนทำกับข้าวครับ
จ: แล้วเด็กๆ ไปรร.กันยังไงครับ?
ส: ภรรยาผมพาไป,เพราะเธอไม่ได้ทำงานอะไร
จ: หลังจากส่งลูกๆไปรร.แล้ว เธอทำอะไรครับ?
ส: เธอก็ไปตลาด แล้วก็กลับบ้านเพื่อทำครัวและรีดผ้า หมอก็รู้แล้วนี่ ว่า เธอไม่ได้ทำงานอะไร
จ: ตอนเย็นหลังจากเลิกงานกลับบ้าน คุณทำอะไรหรือ?
ส: พักผ่อนครับ เพราะผมเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน
จ: แล้วภรรยาคุณทำอะไรล่ะ?
ส: เธอทำครัว เสิร์ฟอาหารให่ลูกๆและผม ล้างจาน ถูบ้าน แล้วก็พาเด็กๆเข้านอน
จากเรื่องข้างบนนี้ คุณคิดว่าใครทำงานมากกว่ากัน???
กิจวัตรประจำวันของภรรยาคุณ
เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ไปจน ดึก นี่หรือที่เรียกว่า ' ไม่ได้ทำงานอะไร ' ??!!
ใช่ การเป็นแม่บ้าน ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาใดๆ หรือ มีตำแหน่งสูงๆ แต่ บทบาทของพวกเธอ สำคัญมาก!
โปรดชื่นชมภรรยาของคุณ
เพราะความเสียสละของเธอนั้น ประมาณค่ามิได้
นี่ควรเป็นข้อเตือนใจและสะท้อนให้เราได้เข้าใจและซาบซึ้งถึงบทบาทของกันและกัน
เกี่ยวกับผู้หญิง....
* เมื่อเธอเงียบ เรื่องต่างๆมากมาย โลดแล่นอยู่ในความคิด ของเธอ
* เมื่อเธอจ้องมองคุณ เธอแปลกใจว่า ทำไมเธอถึงรักคุณมาก ทั้งๆที่เป็นฝ่ายถูกมองเหมือนว่า ไร้ค่า
* เมื่อเธอพูดว่า ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณ เธอจะอยู่เคียงข้างคุณ ดุจหินผาศิลาแกร่ง
โปรด อย่าทำร้ายจิตใจเธอ
อย่าเข้าใจเธอผิดไป
หรือมองว่าเธอไร้ค่า
โปรดส่งต่อไปถึง ผู้หญิงทุกคน เพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับเธอ และส่งไปยังผู้ชายทุกคน เพื่อให้เขาได้ตระหนักถึง คุณค่าของผู้หญิง...!!!
แด่ ภรรยาสุดที่รัก และ แม่ของเรา

Satapol CEO  7:42





วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

8 เคล็ดลับ การหาลูกค้าใหม่

วันนี้ผมนำเสนอเคล็ดลับการหาลูกค้าใหม่ให้กับธุรกิจของคุณ แน่นอนว่าบทความนี้เป็นประโยชน์แน่นอนครับหากคุณกำลังคิดที่จะขยายกิจกาจ หรือ การเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น กับบทความ      " 8 เคล็ดลับ การหาลูกค้าใหม่ "                                                                  
           1. หาลูกค้าใหม่จากฐานลูกค้าเก่า คือจัดทำฐานข้อมูลลูกค้าปัจจุบัน โดยเลือกกลุ่มที่มียอดใช้จ่ายและใช้บริการสูงสุดยี่สิบเปอร์เซ็นต์แรกของลูกค้าทั้งหมด เป็นการรวบรวมข้อของลูกค้าในด้านต่างๆ รวมถึงสื่อที่ลูกค้ากลุ่มนั้นสนใจหรือเปิดรับ   เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะข้อมูลเหล่านั้นจะช่วยให้สามารถหาลูกค้าใหม่ได้ และยังรวมถึงการจัดทำการส่งเสริมการตลาดที่เหมาะสมจากกลุ่มประชากรที่มีความใกล้เคียงกับลูกค้ากลุ่มนี้
ด้วย                                                                                        

           2. ให้ลูกค้าเก่าช่วยแนะนำลูกค้าใหม่  นอกจากข้อมูลลูกค้าเก่าที่แสนจะมีประโยชน์แล้ว ตัวลูกค้าเก่าเองยังเป็นแหล่งดึงดูดลูกค้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย เพราะหากลูกค้าเก่าประทับใจสินค้าและบริการของเราก็อาจบอกต่อไปกับคนรู้จัก และอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันกำลังได้รับความนิยม นั่นก็คือหากลูกค้าเก่าพาคนรู้จักมาใช้บริการด้วยก็จะได้สิทธิพิเศษ หรืออาจทำให้ลูกค้าเก่าเห็นว่า 'เขาคือคนสำคัญของเรา' ด้วยการเขียนชื่อลูกค้าหลังนามบัตรจำนวนหนึ่งมอบให้เพื่อให้ลูกค้านำไปแจกจ่ายเพื่อนๆ และเมื่อเพื่อนๆ ของลูกค้ามาซื้อสินค้าและบริการพร้อมนำนามบัตรนั้นมาด้วยจะได้ส่วนลดพิเศษ
           3. ดึงลูกค้าใหม่ด้วยการส่งเสริมการตลาดที่น่าสนใจและเหมาะสม     เมื่อเราได้ข้อมูลลูกค้าใหม่มาแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือดึงดูดพวกเขาด้วยการส่งเสริมการตลาดที่เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มนั้นๆ หากคุณมีลูกค้าหลายกลุ่ม วิธีการส่งเสริมการตลาดก็ต้องมีหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไป เพื่อรองรับความแตกต่างของลูกค้า                                                                                            
           4. มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมทางสังคม    แทนที่จะเอางบประมาณทั้งหมดไปทุ่มกับการโฆษณา คุณอาจแบ่งเงินสักส่วนหนึ่ง ไปสนับสนุนกิจกรรมหรือบำเพ็ญประโยชน์ทางสังคม  และการที่โลโก้ของคุณไปปรากฏตามงานบ่อยๆ ก็ถือเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์อีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาและที่สำคัญทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทคุณดูดี และนี่เป็นการดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น        
                  
            5. เข้าร่วมหรือจัดอบรมสัมมนา การจัดอบรมและสัมมนาจะทำให้องค์กรของเราดูเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ มากยิ่งขึ้น ทำให้เราดูทรงความรู้และน่าเชื่อถือ               
           6. ร่วมมือกับธุรกิจใกล้เคียง  แต่ละธุรกิจย่อมมีฐานลูกค้าหลักของตนเองอยู่แล้ว  ดังนั้นการที่คุณจับมือกับธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณจะทำให้ลูกค้าหลักของธุรกิจเหล่านั้นกลายเป็นลูกค้ารายใหม่ของคุณไปด้วย                                                                                                  
           7. ให้สื่อออนไลน์ในการดึงลูกค้า    การส่งข้อมูลหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ลูกค้าผ่านทางอีเมล์นั้นถือว่าเป็นวิธีทันสมัยและรวดเร็ว ทั้งยังประหยัดงบประมาณในการติดต่อกับลูกค้าอีกด้วย รวมทั้งหากคุณมีเว็บของบริษัทด้วยแล้วควรทำให้เป็นปัจจุบันเสมอครับ โดยเฉพาะข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับลูกค้า เช่น โปรโมชั่นเสริม สินค้ารูปแบบใหม่ และสิทธิพิเศษต่างๆ ฯลฯ และที่สำคัญควรทำระบบที่สามารถซื้อออนไลน์ได้ด้วยจะยิ่งเป็นการดึงดูดลูกค้ามากขึ้น    
                                                          
           8. เข้าร่วมงานมหากรรมต่างๆ ได้ทุกงานยิ่งดีครับ  แม้ว่าการออกบูทตามงานมหกรรมต้องเสียค่าใช้จ่ายมากพอดู  แต่รับรองว่าผลตอบแทนที่จะได้กลับมาคุ้มค่าเงินที่เสียไปแน่นอน เพราะผู้มาร่วมงานจำนวนมากนั้นคือลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างแน่นอน                                                                   










Satapol CEO    08:13


ฝากผลงานและธุรกิจด้วยครับ







          

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

หมู่เลือดหายากเสี่ยงความจำเสื่อม

          วารสาร “ประสาทวิทยาอเมริกัน” รายงานว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของหมู่เลือดหายากบางหมู่ อาจมีส่วนเกี่ยวพันกับการสูญเสียความจำในช่วงบั้นปลายของชีวิตได้

          รายงานกล่าวว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของหมู่เลือด เอบี ซึ่งมีอยู่ในราวร้อยละ 4 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ดูอาจจะเกิดอาการปัญหาเกี่ยวกับความคิดและความจำมากยิ่งกว่าเจ้าของกลุ่มเลือดกลุ่มอื่น การศึกษาซึ่งทำต่อจากการศึกษาที่แล้วๆมา ได้พบว่า หมู่เลือดอาจมีอิทธิพลกับความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจได้ อย่างไรก็ดี พวกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หนทางที่จะรักษาสุขภาพสมองให้ดีตลอดไป ขึ้นอยู่กับการกินอาหารให้ถูกส่วน ออกกำลังเป็นประจำและอย่าสูบบุหรี่

          คณะแพทย์มหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ ได้ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลของพลเรือนอเมริกัน วัยเกิน 45 ปีขึ้นไป จำนวน 3 หมื่นราย พบว่าผู้ที่มีกลุ่มเลือดเอบี ซึ่งมีอยู่มากประมาณร้อยละ 6 มักจะมีปัญหาทางสมอง ซึ่งเป็นอัตราที่สูงเกินกว่าร้อยละ 4 ของคนทั่วไป

Satapol  CEO  7:53

ฝากผลงานและธุรกิจด้วยครับ







วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

อิฐมวลเบา CLC

คุณลักษณะเด่นของคอนกรีตมวลเบา ที่ทำให้ตลาดหันมานิยมมากขึ้น

ลักษณะเด่นของคอนกรีตมวลเบา
BC Block คือ  น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก รับแรงกดได้ดี,  ใช้งานง่าย รวดเร็ว
 
ประหยัดพลังงาน เนื่องจากกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญ 4 เท่า,  กันไฟ ทนความร้อนสูงที่ 1,100 องศาเซลเซียส ได้นานกว่า 4 ชั่วโมง
โดยไม่พังทลาย,  ป้องกันเสียงและสามารถก่อฉาบด้วยปูนก่อฉาบทั่วไปได้  ทำให้ตลาดหันมานิยมใช้คอนกรีตมวลเบามากขึ้น  
นอกจากนี้ค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น และปัญหาแรงงานขาดก็ช่วยหนุน

แนวโน้มที่สดใสของผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบา

 ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบา ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ความต้องการ
บ้านที่อยู่อาศัยในปี 2553-2556 ที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง  ในปี 2556 ที่ผ่านมายอดจองบ้าน สูงถึง 107,412 หน่วย เติบโต 40%  
รวมถึงในปี 2557 ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำมีแผนที่จะเปิดโครงการตั้งเป้ายอดจองเพิ่ม คาดจะยังหนุนความต้องการคอนกรีตมวลเบา
อีก 3 ปี ข้างหน้าและยังมีแนวโน้มจะเข้ามาทดแทนอิฐมอญ ซึ่งปัจจุบันตลาดผนังรวมมีความต้องการสูงถึง 300 ล้านตรม. 
ในขณะที่มีกำลังการผลิตคอนกรีตมวลเบารวมเพียง 35.4 ล้านตรม. 

โอกาสการสร้างธุรกิจคอนกรีตมวลเบาระบบ CLC

  ศูยน์ฝึกอบรม CLC Thailand Center  เกิดขึ้นจากความต้องการตลาดที่เพิ่มมากขึ้น จนโรงงาน BC Block ไม่สามารถรองรับการผลิตได้เพียงเจ้าเดียว  เพราะขณะนี้ เรามีออร์เดอร์ รอการผลิต มากกว่า 1,000,000 ก้อน ซึ่งขณะนี้ ในภาคอีสาน และภาคใต้ มีความต้องการ การใช้อิฐมวลเบา ระบบ CLC มาก จึงเป็นโอกาสของนักธุรกิจที่มองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง    โดยทางเราจะสอนให้ทั้งหมด ตั้งแต่การตลาด การหาจุดเด่นของสินค้า การทำ
แบรนด์ดิ้ง การหาซัพพลายเออร์  หรือเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต ไม่ต้องลองผิดลองถูก ดังนั้นทาง โรงงาน BC Block จึงได้ทำการเปิดฝึกอบรม 
" หลักสูตร การสร้างธุรกิจอิฐมวลเบาระบบ CLC "  ขึ้นมา เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เข้าร่วมอบรม และร่วมผลิตและรับออร์เดอร์ตามต่างจังหวัด โดยทางโรงงาน BC Block จะรับตัวแทนการผลิต จังหวัดละ 1 ท่านเท่านั้น ท่านได้เรียนรู้กลยุทธ์และวิธีการทำธุรกิจอิฐมวลเบาด้วยการเรียนรู้จริงลงมือทำจริง


   
การทำธุรกิจคอนกรีตมวลเบา หรือ อิฐมวลเบาในระบบ CLC นั้นเป็นอาชีพที่หน้าจับตามองมาก เพราะสามารถให้ผลตอบแทนสูง เช่น ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง สามารถต้นทุนการก่อสร้างได้ถึง 30-50 % เลยทีเดียว เช่น นำไปเทท็อปปิ้ง หรืองานเทหล่อผนังเสร็จภายใน 1 วัน หรือสามารถทำบ้านทั้งหลัง 100 ตารางวา ได้ภายใน 3 วัน และสำหรับผู้ประกอบการโรงงานนั้น ได้ได้ผลตอบแทนสูงมากกำไรต่อก้อนเฉลี่ย 10 -12 บาท/ก้อน ใช้แรงงาน 4 - 6 คน กำลังการผลิต 2000 ก้อน วันหนึ่งกำไร 20,000 บาท เดือนละ 600,000 บาทโดยใช้แรงงานน้อย




Satapol CEO  08:18

ฝากผลงานและธุรกิจด้วยครับ

http://clcthailandcenter.weebly.com/


วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

# 28 ข้อคิดในการใช้ชีวิต #

28 ข้อคิดในการใช้ชีวิต เป็นข้อคิดที่เก็บไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่เมื่อเอามาอ่านอีกทีก็พบว่ายังเป็นเรื่องที่ดีมากๆที่ควรแบ่งปันให้รับรู้โดยทั่วกัน ได้มาจากฟอเวิร์ดเมล์เมื่อนานมาแล้ว ลองอ่านกันดูนะ

1.อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะทั้งชีวิตเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้

2.เมื่อมีคนเล่าว่าเขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญ จง เป็นผู้ฟังที่ดีอย่าไปคุยทับ อย่าไปขัดคอ

3.จงตั้งใจฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเท่านั้น

4.หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ตามทางบ้างเพราะมีอะไรดีๆบางอย่างซ่อนอยู่

5.จะคิดทำการใดจงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ แต่ให้เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย

6.หัดทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้

7.จงจำไว้ว่า ข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น

8.เวลาเล่นเกมกับเด็กๆก็ปล่อยให้เด็กชนะไปเถอะ

9.ใครจะวิจารณ์เรายังงัยก็ตาม อย่าเสียเวลาไปโต้ตอบ แต่ให้ปรับปรุงตนเอง

10.จงให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ “สอง” แต่อย่าให้ถึง “สาม”

11.อย่าให้วิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานไม่มีความสุขก็ลาออกดีกว่า

12.ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้วอะไรๆ มันก็ไม่สำคัญอย่างที่คิดไว้แต่แรกหรอก

13.ใช้เวลาให้น้อยๆในการคิดว่า”ใครผิด” แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า”อะไร” เป็นสิ่งที่ผิด

14.จงจำไว้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับ ” คนโหดร้าย ” แต่กำลังสู้กับ ” ความโหดร้าย ” ในตัวคน

15.โปรดคิด คิด คิด และคิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะให้เพื่อนเรามีภาระในการเก็บรักษาความลับ

16.ยอมที่จะแพ้ในสงครามย่อยๆ เมื่อการแพ้นั้นจะทำให้เราชนะในสงครามใหญ่

17.เป็นคนถ่อมตน จำไว้ว่าคนอื่นทำอะไรต่อมิอะไรสำเร็จกันมามากมายก่อนเราเกิดเสียอีก

18.ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายสักเพียงใด จงสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้

19.มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ

20.อย่าให้ปัญหาของเราทำให้คนอื่นต้องเบื่อหน่าย ถ้ามีใครมาถามว่า ” เป็นไง?” ตอบไปเลยว่า ” สบายมาก”

21.อย่าพูดว่าเรามีเวลาไม่พอ เพราะทุกคนในโลกก็มีเวลาวันละ 24 ชม.เท่ากัน

22.จงเป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว

23.ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานตนเอง ไม่ใช่มาตรฐานคนอื่น

24.จริงจัง และเคี่ยวเข็ญต่อตนเองให้มาก แต่จงอ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น

25.ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพโดยสุจริต ไม่ว่างานนั้นจะดูแย่แค่ไหนในสายตาคนรอบข้าง

26.คำนึงถึงการมีชีวิตให้ ” กว้างขวาง ” มากกว่าการมีชีวิตเพื่อ ” ยืนยาว ”

27.(บางครั้ง) อย่าไปหวังเลยว่าในชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม

28.ว่ากันว่ามี 3 สิ่งที่ไม่ควรถูกทำให้แตกหรือทำลาย ได้แก่ ของเล่นเด็ก คำสัญญาและจิตใจของใครๆ ก็ตาม


Satapol CEO  08:\43     

ฝากผลงานและธุรกิจด้วยครับ


วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ควรคำนึง ก่อนแต่งงาน

#...ใครที่คิดจะแต่งงาน หรือ แต่งงานแล้ว ต้องอ่านให้ได้นะครับ เพราะมันตรงกับชีวิตจริงมากๆ
"คำที่แม่บอกลูกชาย ก่อนที่จะรับภรรยา ที่พึ่งแต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านของตัวเอง "
            ตอนที่เมียของลูกยังเป็นสาว เขาอยู่บ้านพ่อแม่เขา เขาเลี้ยงกันมาเอง ข้าวบ้าน เราสักเม็ด น้ำบ้านเราสักแก้วเราก็ไม่เคยให้เขาได้กิน แต่เป็นเพราะคำว่ารัก เขาจึงจากอ้อมอกอันอบอุ่นของพ่อแม่เขา มาใช้ชีวิตอีกครึ่งค่อยที่บ้านเรา มาเป็นเมียของลูก มาเป็นลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่ เอาพ่อแม่ของลูกเป็นพ่อแม่ของตัวเอง เอาพี่น้องของลูกเป็นพี่น้องของตัวเอง เจ้าพูดสิ! หากเราไม่ทำดีกับเขา มันน่าละอายต่อพ่อแม่ของเขาหรือเปล่า?

            เวลาผู้ชายเจออาหารที่ชอบกิน ก็จัดการซะพุงกาง เมื่อท้องอืดก็รู้สึกไม่สบายตัว ต้องหาทางออกไปเดินเล่นเตร็ดเตร่ เจ้าคิดดูสิ! เมียของลูกต้องอุ้มท้องให้บ้านเราตั้งสิบเดือน หากเขาไม่ยินดีที่จะเป็นแม่ ใครกันจะยอมทนอึดอัดแสนทรมานอย่างนั้นเพื่อให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ ลูกที่เกิดมาก็ไม่ได้ใช้แซ่สกุลของตัวเอง เจ้าพูดสิ! หากเราไม่ทำดีต่อเขา มันน่าละอายไหมที่เขายอมสละเพื่อบ้านเราขนาดนั้น?
             ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงต่างก็มีอารมณ์อ่อนไหว ผู้ชายอ่อนไหวกับเรื่องราว หากคิดว่าเรื่องใดไม่ถูกต้อง ก็จะฝังใจ  ต่อให้เรื่องนั้นมันจะผ่านไปแล้วก็ตาม ก็ยังโมโหไม่หาย ส่วนผู้หญิง อ่อนไหวกับคำพูด หากฟังแล้วไม่เข้าหู ยิ่งฟังก็จะยิ่งอารมณ์เสีย ต่อให้มันผ่านไปแล้วก็ยังโมโหไม่หาย ดังนั้น ลูกเป็นผู้ชาย ต้องรู้จักลดทิฐิลงก่อน พูดอะไรที่เมียเจ้าชอบฟัง ต้องรู้จักเอาใจใส่ ลูกก็สบายใจ เมื่อสิ่งนี้คือความสุขใยเจ้าจะไม่ลงมือทำเล่า!
              โลกนี้ผู้หญิงสวยๆมีเยอะ แต่เมื่อแต่งงานแล้ว จะวอกแวกไม่ได้ และอย่าเอาเมียของเจ้าไปเปรียบกับหญิงอื่น ชีวิตของคนเรา เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ประเพณีไม่เหมือนกัน การเลี้ยงดูที่ต่างกัน จึงเป็นที่มาของนิสัยและความชอบที่ไม่เหมือนกัน จนถึงช่วงที่แต่งงานความชอบและนิสัยก็ถูกฝังแน่นแล้ว คำโบราณกล่าวว่า ถมทะเลย้ายภูเขายังว่าง่าย แต่นิสัยเปลี่ยนยากเมื่อเจ้าแต่งงานแล้ว ก็อย่าได้เอามาตรฐานการเป็นอยู่ของเจ้าไปตัดสินความต่างของเขาว่าเป็นข้อ บกพร่อง พ่อหวังว่าเจ้าจะเริ่มจากตัวเจ้าก่อน เปลี่ยนแปลงตัวเจ้าก่อน
           สังคมสมัยนี้ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างทำงานนอกบ้าน เจ้าก็ต้องช่วยทำงานบ้าน ไม่ใช่ปล่อยให้เมียทำงานบ้านอยู่คนเดียว เมียของเจ้าเจ้าก็ต้องรัก หากวันหนึ่งมีใครคนอื่นที่รักเมียของเจ้ามากกว่าเจ้ารัก ลูกก็เตรียมรับมือกับปัญหาที่จะตามมาได้เลย

Satapol CEO  07:50

ฝากผลงานและธุรกิจด้วยครับ


วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

จะแต่งงานแล้วหรือยังไม่ได้แต่ง ก็ควรจะอ่านนี่ ...

          "เมื่อผมกลับถึงบ้านในคืนนั้น ภรรยาของผมกำลังเสิร์ฟอาหารมื้อค่ำ ผมถือมือของเธอและพูดว่า ผมมีบางสิ่งบางอย่างที่จะบอกคุณ เธอนั่งลงและกินอย่างเงียบ ๆ เป็นอีกครั้งที่ผมสังเกตเห็นความเจ็บปวดในสายตาของเธอ ทันใดนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดต่อไปยังไง ผมแค่รู้ว่าผมจะต้องบอกเธอในสิ่งที่ผมคิดให้ได้ “ผมต้องการหย่า” ผมเริ่มบทสนทนาอย่างเรียบๆ เธอดูไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของผม แต่กลับถามผมอย่างสงบ “ทำไม?”

          ผมหลีกเลี่ยงคำถามของเธอ และนั่นทำให้เธอโกรธ เธอโยนตะเกียบทิ้งและตะโกนมาที่ผม “หน้าตัวเมีย!” คืนนั้นเราไม่ได้พูดคุยกัน เธอร้องไห้ ผมรู้ว่าเธอต้องการที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงานของเรา แต่ผมคงไม่สามารถจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับเธอได้ เธอได้สูญเสียความรักของผมให้กับเจน ผมไม่ได้รักเธออีกต่อไป ผมแค่สงสารเธอ!

          ผมร่างข้อตกลงการหย่าด้วยความรู้สึกผิดอย่างใหญ่หลวง สัญญาระบุว่าเธอจะเป็นเจ้าของบ้านของเรา รถของเราและสัดส่วนการถือหุ้น 30% บริษัท ของผม เธออ่านมันเผินๆแล้วฉีกมันเป็นชิ้น ผู้หญิงที่ได้ใช้เวลาสิบปีที่ผ่านมาในชีวิตของเธอให้กับผมได้กลายเป็นคนแปลกหน้า ผมรู้สึกเสียใจสำหรับเวลาที่เสียไปของเธอ แต่ผมก็ไม่สามารถกลับคำพูดที่ผมได้ขอหย่ากับเธอ เพราะผมเองก็รักเจนมาก ในที่สุดเธอก็ปล่อยโฮออกมาต่อหน้าผม อย่างที่ผมนึกคาดไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับผมการร้องไห้ของเธอเป็นเหมือนการปลดปล่อย ความคิดของการหย่าร้างซึ่งทำให้ผมสับสนมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ตอนนี้ดูเหมือนจะแน่ชัดและชัดเจนขึ้น

          วันรุ่งขึ้น ผมกลับมาถึงบ้านดึกมากและพบว่าเธอกำลังเขียนบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ ผมไม่ได้ทานอาหารมื้อเย็น แต่ตรงไปยังที่นอนและหลับลงอย่างรวดเร็ว เพราะผมเหนื่อยหลังจากวันที่แสนยุ่งกับเจน เมื่อผมตื่นขึ้นมาเธอยังคงนั่งเขียนอยู่ที่โต๊ะ ผมไม่อยากจะสนใจเธอผมจึงพลิกตัวหนีเพื่อจะนอนต่อ

          ในตอนเช้า เธอยื่นเงื่อนไขการหย่าร้างของเธอ เธอไม่ได้ต้องการอะไรจากผม แค่ผมจะต้องบอกให้เธอรู้หนึ่งเดือนก่อนที่ผมจะหย่ากับเธอ เธอขอร้องว่าในช่วงเวลาหนึ่งเดือนนั้น เราทั้งคู่จะพยายามดำเนินชีวิตคู่อย่างปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอให้เหตุผลง่ายๆว่า เพราะลูกชายของเรากำลังจะสอบ และเธอไม่อยากให้การหย่าของเรากระทบกระเทือนการสอบของเขา

          นี่คือข้อตกลงของเธอกับผม เธอขอให้ผมระลึกถึงวันแต่งงานของเราทั้งคู่และขอให้ผมระลึกถึงช่วงเวลาที่ผมอุ้มเธอเข้าเรือนหอในวันที่เราแต่งงานกันโดยการให้ผมอุ้มเธอออกจากห้องนอนของเราไปยังประตูหน้าบ้านทุกวัน ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนสุดท้ายของชีวิตแต่งงานของเรา ผมคิดว่าเธอบ้าไปแล้วแต่ก็ตกลงยอมรับคำขอของเธอ

          ผมบอกเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขการหย่าร้างของภรรยาของผม เจนหัวเราะเสียงดังและคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่ว่าภรรยาของผมจะใช้มารยาอะไรที่เธอมี มันก็ไม่ทำให้เธอหลีกเลี่ยงการหย่าร้างได้ เจนกล่าวอย่างเหยียดหยาม

          ผมและภรรยาไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันมาตั้งแต่ผมแสดงความตั้งใจเรื่องการหย่า ดังนั้นเมื่อผมอุ้มเธอออกไปที่ประตูบ้านเป็นวันแรก เราทั้งคู่จึงดูงุ่มง่าม ลูกชายของเราปรบมืออยู่ด้านหลัง “กำลังอุ้มแม่อยู่เหรอครับ” คำกล่าวของเขาทำให้ผมรู้สึกปวดใจ ระยะทางตั้งแต่ห้องนอนไปที่ห้องนั่งเล่นจนเลยไปที่ประตู ผมเดินกว่าสิบเมตรพร้อมกับเธอในอ้อมแขนของผม เธอปิดตาของเธอและพูดเบา ๆ ; อย่าบอกลูกของเราเกี่ยวกับเรื่องหย่า ผมพยักหน้ารู้สึกอารมณ์เสียบ้าง ผมปล่อยเธอลงที่ด้านนอกประตู เธอไปรอรถประจำทางเพื่อไปทำงาน ผมขับรถคนเดียวไปยังสำนักงาน

          ในวันที่สอง เราทั้งคู่ต่างเกร็งน้อยลง เธอโน้มตัวบนหน้าอกของผม ผมได้กลิ่นหอมจากเสื้อของเธอ ผมตระหนักว่าผมไม่เคยจ้องมองที่ผู้หญิงคนนี้อย่างละเอียดเป็นเวลานานแล้ว ผมรู้สึกตัวขึ้นมาว่าเธอไม่ได้อ่อนเยาว์อีกต่อไป มีริ้วรอยจางๆบนใบหน้าของเธอ ผมของเธอกำลังเปลี่ยนเป็นสีเทา! การแต่งงานของเราได้ทำให้เธออ่อนแรงลงไป นาทีนั้นผมถามตัวเองว่า ผมทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

          ในวันที่สี่ เมื่อผมได้อุ้มเธอขึ้น ผมรู้สึกว่าความผูกพันของเรากำลังย้อนกลับมา นี่คือผู้หญิงที่ได้มอบชีวิตตลอดสิบปีที่ผ่านมาของเธอให้ผม ในวันที่ห้าและหก ผมตระหนักว่าความผูกพันของเรายิ่งมากขึ้นไปอีก ผมไม่ได้บอกเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งนานวันผ่านไป การอุ้มเธอไปที่หน้าประตูก็ยิ่งรู้สึกง่ายดายขึ้น บางทีการออกกำลังกายกับเธอในอ้อมแขนทุกเช้าอาจทำให้ผมแข็งแรงขึ้น


          เธอเลือกชุดที่เธอจะใส่ในเช้าวันหนึ่ง เธอลองใส่ตัวนั้นตัวนี้อยู่พักใหญ่แต่ก็หาที่ถูกใจไม่ได้ จากนั้นเธอก็ถอนหายใจ “ชุดของฉันหลวมไปหมด” ในตอนนั้นเองที่ผมได้รู้ว่าร่างกายของเธอนั่นเองที่ได้ผ่ายผอมลง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงสามารถอุ้มเธอได้ง่ายขึ้น

          ทันใดนั้นผมก็เข้าใจทุกอย่าง ในหัวใจของเธอซ่อนความเจ็บช้ำและขมขื่นไว้มากมาย มือของผมยื่นไปแตะศรีษะของเธอโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ

          ลูกชายของเราได้เข้ามาขัดจังหวะ เขาพูดว่าถึงเวลาที่ผมต้องอุ้มเธอออกไปแล้ว การที่ลูกชายของผมได้เห็นผมอุ้มแม่ของเขาออกไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปเสียแล้ว ภรรยาของผมกวักเรียกเขาเข้ามาแล้วกอดเขาไว้แน่นผมหันหน้าหนีเพราะกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจเรื่องการหย่าในนาทีสุดท้าย ผมเข้าไปโอบเธอขึ้นมา อุ้มเธอออกไปจากห้องนอน ผ่านห้องนั่งเล่นจนถึงประตู มือของเธอคล้องคอของผมอย่างแผ่วเบาและเป็นธรรมชาติ ผมกอดเธอไว้แน่น ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับวันแต่งงานของเรา

          แต่น้ำหนักที่เบาโหวงของเธอทำให้ผมเศร้าใจ ในวันสุดท้ายเมื่อผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ผมแทบจะไม่เดินไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว ลูกชายของเราไปโรงเรียนแล้ว ผมกอดเธอไว้แน่นและกล่าวว่าผมไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าชีวิตของเราขาดความใกล้ชิด จากนั้นผมรีบขับรถไปที่สำนักงาน กระโดดออกมาจากรถอย่างรวดเร็วโดยยังไม่ทันจะได้ล็อคประตู ผมกลัวหากผมมัวชักช้า ผมจะเปลี่ยนใจอีก ...ผมเดินขึ้นไปที่ชั้นบน เจนเป็นคนเปิดประตูและผมบอกกับเธอ “ผมขอโทษเจน แต่ผมเปลี่ยนใจเรื่องหย่าแล้ว”

          เธอมองผมด้วยความงุนงง จากนั้นจึงเอื้อมมือแตะที่หน้าผากของผม คุณไม่สบายรึเปล่า? เธอถาม ผมดึงมือของเธอออก “ขอโทษนะ เจน แต่ผมจะไม่หย่ากับภรรยาของผม ชีวิตแต่งงานของผมมันอาจจะเปลี่ยนเป็นน่าเบื่อเพราะหล่อนและผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดชีวิตของเรา แต่ผมไม่ได้เบื่อชีวิตคู่เพราะเราทั้งสองไม่ได้รักกันแล้ว ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า ในเมื่อผมโอบกอดเธอไว้ในวันแต่งงานของเรา ผมก็ควรที่จะโอบกอดเธอจนความตายจะพรากเราจากกัน เจนดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างในทันที เธอตบผมฉาดใหญ่แล้วกระแทกประตูปิด เจนทรุดลงทั้งน้ำตา ผมเดินลงมาชั้นล่างและขับรถออกไป มาถึงที่ร้านดอกไม้ ผมซื้อดอกไม้ช่อหนึ่งเพื่อภรรยาของผม พนักงานสาวที่ร้านถามผมว่าจะให้เธอเขียนข้อความบนบัตรว่าอะไร ผมยิ้มและเขียนว่า “ผมจะอุ้มคุณออกไปที่ประตูทุกเช้า จนกว่าเราจะตายจากกัน”

          เย็นวันนั้น ผมกลับบ้าน ผมถือดอกไม้ไว้ในมือ ผมมีรอยยิ้มบนใบหน้า ผมวิ่งขึ้นบันได...เพียงเพื่อจะพบภรรยาของผมนอนอยู่บนเตียง เธอไม่หายใจ ภรรยาของผมได้ต่อสู้กับโรคมะเร็งเป็นเวลาหลายเดือน ในขณะที่ผมมัวยุ่งอยู่กับเจนเกินกว่าที่จะรับรู้อาการผิดปกติของเธอ เธอรู้ว่าเธอกำลังจะตายและเธอก็อยากจะช่วยให้ผมหลุดพ้นจากความรู้สึกแย่ๆของลูกชายที่เขาจะมีต่อผมหากว่าเราหย่าจากกัน เพราะว่าอย่างน้อย...ในสายตาของลูกชายผม ผมก็จะยังเป็นสามีที่รักใคร่ดูแลเธอ

          จริงๆแล้ว รายละเอียดเล็กๆน้อยๆในชีวิตของคุณ คือสิ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิตไม่ใช่คฤหาสถ์หลังใหญ่ ไม่ใช่รถไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองในธนาคาร สิ่งเหล่านี้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีความสุข แต่ไม่สามารถให้ความสุขในตัวของมันเอง

          ดังนั้น หาเวลาที่จะอยู่เป็นเพื่อนคนข้างๆคุณ และทำสิ่งเล็ก ๆ เหล่านั้นให้แก่กัน ขอให้มีชีวิตคู่ที่มีความสุข!

หากคุณไม่ได้เผยแพร่ข้อความนี้ออกไป คุณก็ไม่ได้เสียหายอะไร

          แต่ถ้าคุณทำ คุณก็อาจจะช่วยชีวิตคู่ไว้อีกหลายคู่ คนหลายๆคนยอมแพ้ในเรื่องชีวิตคู่ของเขาโดยที่เขาไม่มีทางได้รู้ว่าพวกเขาอยู่ใกล้ความสุขแค่เอื้อม


Satapol  CEO    07:38

ฝากผลงานและธุรกิจด้วยครับ







วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

สิ่งที่ต้องทำทุกเช้า ก่อนออกจากบ้าน

ทุกๆเช้าก่อนออกจากบ้าน ~ ♡

อย่าลืมคิดถึงสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

1. เครื่องประดับที่สวยที่สุดบนเรือนร่างคือ "รอยยิ้ม"

2. งานที่ทำแล้วพอใจที่สุดคือ "การช่วยเหลือผู้อื่น"

3. ความสุขที่สุดคือ "การให้"



4. อาวุธร้ายแรงที่ต้องระมัดระวังและเก็บให้ดีที่สุดคือ "คำพูดทำร้ายผู้อื่น"

5. พลังยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทุกอย่างสำเร็จคือ "ความรัก"

6. ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ "การทำร้ายตัวเอง"

7. ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ต้องเอาชนะให้ได้คือ "การชนะใจตัวเอง"

8. ยานอนหลับที่ให้ผลดีที่สุดคือ "ความสงบภายใน"



Satapol CEO  08:30  


ฝากผลงานและธุรกิจด้วยครับ


http://www.online-24hrs.com
http://thaiyoutube.weebly.com
http://satapol.blogspot.com/






วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

ข้อคิดการตัดสินผู้อื่น

ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดีคนหนึ่ง จำเป็นต้องรอเวลาถึง 3ชั่วโมง ในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่มและคุ๊กกี้ 1 ห่อ และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกินฆ่าเวลาไปพลาง ๆ
เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง เธอสังเกตเห็นว่าข้างๆเธอมีชายหนุ่มซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้างๆ เขา

สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ ชายหนุ่มก็ยื่นมือมาหยิบขนมคุ๊กกี้ออกจากถุงซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันทีละชิ้น เธอมองด้วยความโกรธ แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ
เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกา ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอายกำลังกินมันเรื่อยๆ เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็..ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย
ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้น ทั้งสองส่งสายตามองกัน เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร
ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น
เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ
เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้ว เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ
เธอตกใจมาก!!!!!!!!
ถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่าคุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน!!
เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม
ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอนั่นเองที่ไร้มารยาท เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง
มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริงมันเป็นการเข้าใจผิด
มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย

นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่นหลายๆสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดี แล้วคอยสงสัยตัวเองว่า
เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง?”
เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่?”


ผู้นำด้านอุปกรณ์จัดงานให้เช่าอันดับหนึ่งของไทย ทั้งindoor และ outdoor
ติดต่อฝ่ายขาย 085-1109502 คุณฝน   


Satapol CEO   08:03